Burst of…The Rain
ไม่ได้ถ่ายภาพนี้มาเพื่อ Romanticize เหตุการณ์ตรงหน้า แต่อยากตั้งคำถามว่าประชาชนมีทางเลือกที่ดีกว่านี้มั้ย ในการรับมือกับฝนตก

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่สอดคล้องกับค่าเดินทาง ซึ่งควรจะเป็นปัจจัยพื้นฐานและสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงค์ชีวิต ถ้าหลาย ๆ อย่างดีขึ้น พี่ผู้หญิงในภาพอาจจะตัดสินใจนั่งแท็กซี่หรือเรียกแกร็บได้โดยไม่ต้องอุ้มลูกเดินตากฝนแบบนี้…เป็นห่วงนะครับ

หรือชีวิตที่จะไม่ต้องตัวเปียก มันไม่ฟรี?

ในความทรงจำของผม ผมเคยโบกแท็กซี่กลางฝนแล้วเขาไม่รับขึ้นรถ เพราะเขากลัวเบาะเปียก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี นานแค่ไหน ชะตากรรมของคนที่รอคอยการกลับบ้านก็คงเป็นแบบนี้สินะ

โชคดีหน่อยก็ไม่ต้องโบกเยอะ โชคร้ายก็ต้องยืนตากฝนโบกหลายคัน แล้วชีวิตจะยากขึ้นอีกเยอะเลยถ้าบ้านอยู่คนละทางกับที่ที่แท็กซี่จะไป หรือว่าต้องฝ่ารถติด เพราะคงจะเจอคำตอบกลับมาว่า “ไม่ไปครับรถติด” หรือ “ต้องเติมแก๊สครับ”

ในฐานะคนที่เคยจับเข่านั่งคุยกับคนไร้บ้านอยู่บ่อย ๆ อยากจะบอกว่าทางลงรถไฟฟ้าเนี่ยสำคัญสำหรับพวกเขามาก เพราะเป็นที่ที่พวกเขาใช้หลบแดดหลบฝน เหมือนเป็นที่พึ่งหลัก ๆ อย่างนึงเลย…แม้พวกเราจะมองมันเป็นแค่ทางขึ้นก็เถอะ แต่ถ้าวันนึงผมกลายเป็นคนไร้บ้านแล้วผมพูดว่ากลับบ้าน ก็คงจะหมายถึงใต้ทางขึ้นรถไฟฟ้าซักแห่ง หรือใต้สะพานแถว ๆ ที่กลับรถ
อีกหนึ่งปัญหาที่เจอคือหน้าต่างรถเมล์ไทย ที่แสนจะฝืด เท่าที่จำความได้ สมัยที่นั่งรถเมล์บ่อย ๆ ผมทะเลาะกับหน้าต่างบ่อยมาก เพราะนอกจากบางบานจะฝืดจนแทบจะขยับไม่ได้แล้ว ยังหาความพอดีในการปิดไม่ได้อีกด้วย เพราะใช้ระบบเป็นเขี้ยวให้ล็อคกับขอบหน้าต่าง ที่มีให้เลือกแค่ไม่กี่ระดับ เลือกได้แค่จะเปิดเต็มบาน ครึ่งบาน มีรูแค่นิดเดียว หรือปิดสนิทไปเลย

เช่น ถ้าฝนตกนิดเดียว หลายคนก็อาจจะอยากปิดมาบังละอองแค่นิดเดียว แต่กลายเป็นว่าต้องปิดครึ่งบาน หรือปิดเกือบหมด (เพราะรูกลางหน้าต่างมันตัน) โชคร้ายหน่อยก็เจอหน้าต่างที่ขยับไม่ได้อีกเลย ปรับอะไรไม่ได้ มันทำให้อากาศบนรถอับ และร้อนจนเหนียวตัว หรือไม่ก็ต้องทนเปียกเพราะหน้าต่างเปิดสุด แต่ขยับบานเลื่อนให้ลงมาปิดไม่ได้

ท่ามกลางสายฝนก็ยังมีสายน้ำใจอยู่ แม้จะทุลักทะเลไปบ้าง
ไม่รู้ว่าว่าทุกครั้งที่ฝนตก คนขายของหาเช้ากินค่ำเค้าจะรู้สึกเหมือนมนุษย์เงินเดือนโดนหักเงินเดือนหรือเปล่านะ ก็ได้แต่แก้ปัญหาไปตามมีตามเกิด อย่างน้อยวันนี้ของก็ไม่เปียกล่ะนะ
ถึงจะฝนตก รถติดแค่ไหน แต่ถ้าตัวไม่เปียกก็คงโอเคล่ะมั้ง?
อีกหนึ่งความชินชาของมนุษย์ในกรุงเทพฯ ที่เอือมระอากับรถติดไปแล้ว เพราะไม่รู้จะแก้ไขยังไง (นี่ยังไม่รวมน้ำท่วมอีกนะ)

ผมไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าปกติพี่ ๆ ในภาพเค้ากลับบ้านกันยังไง เค้าอาจจะกลับรถเมล์หรือสองแถว เสียเงินแค่ 10-20 บาทก็ได้ แต่นี่อาจจะต้องเจียดรายได้มาขึ้นแท็กซี่อีกเป็นหลักร้อยบาท

อืม…ก็ยังดีที่รถเมล์คันนี้ยอมจอดเทียบใกล้ป้ายรถเมล์ เพราะบางครั้งถ้าฝนตกรถติด รถเมล์บางคันก็จะจอดเทียบป้ายในเลนกลาง(หรือเลนถัด ๆ ไปแทน) ทำให้คนต้องวิ่งตากฝนเพื่อขึ้นรถเมล์

นี่เป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในภาพกว้าง เพราะถ้ากรุงเทพฯมีผังเมืองดี การขนส่งสาธารณะทั่วถึง คนก็คงจะใช้รถส่วนตัวน้อยลง และรถก็คงจะติดน้อยกว่านี้

ในบางครั้ง ผมก็คิดว่ามันเหมือนกับเราสร้างวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ แต่ก็ทำไม่สุด
เราสร้างป้ายรถเมล์ ที่มีหลังคากันแดดกันฝน แต่เราก็สร้างไม่ถึงขอบของทางเท้า
เราจอดรถรับคน แต่เราก็จอดไม่ใกล้พอจนต้องมีกระโดดขึ้นเพื่อหลบน้ำ

วันที่ฝนตกแบบนี้จะขายได้กี่ตัวนะ?
ผมยืนอยู่หน้าร้านอยู่ประมาณ 15 นาทีได้ ผมไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียวเลยที่จะหยุดดูของในแผง

น่าเศร้าคนบางคนมีช่องเวลาเล็ก ๆ ระหว่างวันธรรมดาเพื่อทำมาค้าขาย ถ้าวันนี้ฝนไม่ตกก็คงจะขายดีกว่านี้ หรือถ้ามีหลังคากันฝนเป็นกิจจะลักษณะ เศรษฐกิจของไทยอาจจะไปได้ดีกว่านี้

ฝนตกหนักขนาดนี้ กางร่มยังไงก็เปียก…แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีเสื้อกันฝนอะนะ
ถ้ารัฐบาลอยากจะสร้างอะไรเป็นผลงานต่อไป อยากให้สร้างทางเดินสกายวอร์กเพิ่ม พร้อมหลังคา ในจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ ๆ แบบนี้ประชาชนอาจจะยอมใจอ่อนขึ้นนิดนึงก็ได้นะ

อ๋อใช่ เพื่อเป็นการลดขยะพลาสติก อยากให้หลาย ๆ คนลองหาเสื้อกันฝนดี ๆ ที่ไม่ใช่แบบใช้แล้วทิ้งมาใช้บ้างนะ เพราะจะเป็นการช่วยลดขยะพลาสติกได้เยอะเลย เท่าที่เดินถ่ายมา ดูเหมือนจะมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้ใส่แบบบาง ๆ ที่ใช้ 2-3 ครั้ง ก็ต้องทิ้ง เพราะว่าขาด

ก็คงได้แต่ภาวนา อธิษฐาน ‘ขอให้น้ำไม่ท่วม ขอให้ฝนหยุดเร็ว ๆ ’
ดูเหมือนสิ่งเดียวที่จะเดินทางไปกับเราในกรุงเทพเวลาฝนตกก็คงมีแต่ที่พึ่งทางใจ
กลับบ้านดี ๆ ครับทุกคน
ก็ได้แต่รอ…ให้มีการเปลี่ยนแปลง

หลายคนเลือกที่จะรอให้ฝนหยุด อาจเป็นเพราะไม่รีบแต่พอมาคิด ๆ ดู เราเสียเวลาไปกับการรอให้ฝนหยุดมานานแค่ไหนแล้ว จะดีกว่ามั้ยถ้าทุกอย่างดีขึ้น แล้วเราจะเอาเวลามานั่งรอ มาใช้ไปกับครอบครัว หรือคนที่เรารัก

เชื่อว่าทุกคนคงมีช่วงเวลาแบบนี้ทั้งนั้น ช่วงเวลาที่เราได้แต่นั่งรออะไรอย่างไม่มีจุดหมาย เพราะเราไม่สามารถจะทำอะไรได้…

Loading next article...