สอนนางงามให้แพ้
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้ชมและกองเชียร์ แสงไฟแสงแฟลชและกล้องต่างโฟกัสไปที่คนที่ได้สวมมงกุฎ สวมสายสะพาย ช่อดอกไม้ รางวัลต่างๆ ทยอยขึ้นไปมอบให้กับผู้ชนะ พร้อมเสียงปรบมือสนั่นฮอลล์ ชื่อของเธอคนนั้นจะถูกพูดถึงไปอีกนานเป็นเดือน เป็นปี หรือหลายคนก็ถูกพูดถึงนานหลายปี ในขณะที่คนชนะจะต้องคิดถึงภารกิจและงานของตัวเองในอนาคต

อีกมุมหนึ่งใกล้ๆ กับจุดที่สว่างไสว ใต้เงาตรงนั้นมีอีกหลายคนที่พลาดตำแหน่ง ที่ต้องจัดการกับความเสียใจ ความหม่นเศร้าในอารมณ์ของตัวเองหลังจากนั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สาวๆ ผู้เข้าประกวดจะรู้สึกผิดหวัง และเจ็บปวด เด็กสาวหลายคนเข็ดขยาดกับการพ่ายแพ้ผิดหวังจนตัดสินใจลาขาดจากการประกวดนางงาม บางคนเพียงแค่จะลุกขึ้นมาดำเนินชีวิตตามปกติก็แสนยากเย็น และบางคนแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นการฝึกและสอนนางงามนั้นจะสอนให้คิดถึงแต่เรื่องชนะเพียงอย่างเดียวไม่ได้ “เพราะคนที่จะได้ตำแหน่งนั้นมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”

สิ่งที่ครูอย่างฉันจะต้องทำหลังจากจบการประกวดเป็นอันดับแรกก็คือการสอนให้สาวๆ รู้จัก “การแพ้ให้เป็น”

Image credit: Natasa Adzic
ฉันบอกลูกศิษย์เป็นประโยคแรกๆว่า “ในเมื่อเราตั้งใจที่จะลงประกวด เราก็ต้องมองเป้าหมายสุดท้ายคือการเป็นผู้ชนะ ถ้ามาลงแข่งขันแล้วบอกตัวเองว่าจะมาเพื่อแพ้ก็อย่ามา” เพราะการประกวดนางงามนั้นไม่ได้แตกต่างจากการแข่งขันกีฬาหรือการประกวดอื่นๆ คือการมุ่งมั่นที่จะได้เป็นเป็นผู้ชนะ ดังนั้นการสร้างทัศนคติในการมุ่งมั่นเพื่อที่จะชนะให้กับสาวๆ ที่กำลังเตรียมตัวเข้าประกวดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

การแพ้ให้เป็นไม่ใช่ควรจะมีแค่ในวงการประกวดนางงาม แต่การรู้จักความพ่ายแพ้นั้นเป็นเรื่องที่ควรฝึกฝนกับทุกคน ทุกวงการ และทุกการแข่งขัน หลายครอบครัวหรือบางคนมักถูกสอนมาว่าความพ่ายแพ้คือการที่เรามีความพยายามไม่มากพอ คือสัญลักษณ์ของความล้มเหลวหรือความอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วความพ่ายแพ้คือเรื่องธรรมดา และชัยชนะหรือความสำเร็จจะไม่ยิ่งใหญ่เลยถ้าเราไม่เคยผ่านความพ่ายแพ้มาก่อน

ช่วงเตรียมตัวก่อนการประกวดฉันจะช่วยสาวๆ ประเมิณความเป็นไปได้หรือผลจากการประกวดทั้งแบบที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด แล้วก็จะมาพูดคุยลองจำลองผลเหล่านั้นว่าเราจะต้องกันหรือหลีกเลี่ยงผลที่แย่ได้หรือไม่ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้สาวๆ ควรจะคิดอย่างไร จัดการกับอารมณ์และความรู้สึกอย่างไร การทำแบบนี้จะช่วยให้พวกเธอเริ่มมองผลการตัดสินแบบยอมรับความจริง เข้าใจว่ามีความเป็นไปได้ที่จะได้รับชัยชนะหรือพบเจอกับความพ่ายแพ้ และช่วยให้พวกเธอเริ่มมองเห็นว่าความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป แต่กลับให้อะไรดีๆ สู่ตัวเราเองอีกหลายอย่าง เช่น

เราได้เรียนรู้ว่าใครๆ ก็ทำผิดพลาดได้ ใครๆ ก็เคยล้มเหลวกันทั้งนั้น แทนที่จะเอาแต่โทษตัวเองลองหันมองมองเพื่อนๆ อีกหลายคนที่พลาดหวังและผิดหวังเหมือนกัน เราจะได้เรียนรู้ว่าอารมณ์ขุ่นมัวเพราะความพ่ายแพ้นั้นเป็นเรื่องธรรมดาและเราสามารถรับมือได้ คนที่ประสบความสำเร็จล้วนเคยผ่านความผิดหวังมาแล้วไม่มากก็น้อย

เราได้เรียนรู้ว่าความพ่ายแพ้ทำให้เราแข่งแกร่งขึ้น แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเราจะได้รู้ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ลองทำอะไรตามความฝัน เมื่อล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ไม่ว่าจะกลับไปสู่สังเวียนเดิมหรือเลือกทางเดินทางใหม่เราจะยอมรับนับถือตนเองมากขึ้น ความพ่ายแพ้จะเป็นโอกาสเสริมสร้างความเข้มแข็งหลังจากต้องเจอกับความผิดหวัง การลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากพ่ายแพ้มาย่อมยากเสมอแต่หากเรากลับคืนมาได้นั่นแสดงให้เห็นว่าเรามีความเข้มแข็งมากแค่ไหน

เราได้รู้ว่าความพ่ายแพ้นั้นสร้างโอกาสต่างๆ อีกมากมาย หลังประกวดจบแล้ว คนที่ชนะก็ต้องดำรงตำแหน่งต่อ ต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะไปประกวดระดับนานาชาติ แถมยังได้ออกงาน เดินสายโชว์ตัว และรับงานต่างๆ แล้วคนแพ้ล่ะ?

Image Credit: Nosyrevy
ความจริงแล้วความพ่ายแพ้นั้นสร้างโอกาสให้เราได้หลากหลายมาก หลังช่วงทำใจเราจะมีโอกาสได้ทบทวนและมีโอกาสในการคิดปรับปรุงสิ่งที่เราผิดพลาด เราสามารถมองหาโอกาสหรือเรียนรู้วิธีการต่างๆ ในการประสบความสำเร็จและเรียนรู้วิธีในการรับมือ และนั่นจะทำให้เราเติบโตขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้เราได้ปลอบประโลมตัวเองและได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง

คำพูดที่ว่าผู้แพ้มักไม่เป็นที่จดจำนั้นเป็นความจริง แต่อย่าลืมว่าบนเวทีการประกวดไม่เพียงแค่กรรมการเท่านั้นที่กำลังมองเราอยู่ ผู้เข้าประกวดทุกคนมีโอกาสถูกมองเห็นด้วยสายตาอีกมากมาย โลกของผู้แพ้ไม่ได้แตกสลายหลังผลการตัดสินถูกประกาศออกมา ความพ่ายแพ้ไม่ใช่ตราบาปที่ติดตัวไปจนวันตาย แต่มันเต็มไปด้วยโอกาส เมื่อเราถูกมองเห็นเราก็มีโอกาสที่จะมีงานเข้ามาได้เช่นกัน อย่างเช่น การเป็นนางแบบ นักแสดง หรืองานในวงการบันเทิงอื่นๆ และก็มีไม่น้อยที่ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนนางงามด้วยกันเอง

 

อีกวิธีที่ฉันใช้ในการดูแลสภาพจิตใจหรือปลอบใจสาวๆ ที่ผิดหวังคือการให้พวกเธอหันมามองที่ตัวเธอเอง เลิกเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้ชนะ แต่เปรียบเทียบกับตัวเองตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันสุดท้ายของการประกวด พวกเธอเหล่านี้ได้พัฒนาตัวเองมาไกลจากที่เคยเป็น ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ควรภาคภูมิใจกับความตั้งใจมานะฝึกฝนและเตรียมตัว ภูมิใจกับความกล้าหาญที่ตัดสินใจเข้ามาประกวด และภูมิใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ตนเองได้สร้างขึ้น และบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยเราก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน

 

นี่คือสิ่งที่ทุกคนควรภาคภูมิใจมากกว่าจะมัวจมอยู่กับความพ่ายแพ้ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นนางงามหรือไม่ก็ตาม

 

 

Loading next article...