Happy to be Unhappy – สุขเพราะความเศร้า
ทั้งชีวิตเราถูกสอนมาว่าอารมณ์เศร้าคือศัตรู เวลาร้องไห้จะมีคนมาปลอบให้หยุด บอกให้สู้ บอกให้ยิ้ม แต่เชื่อว่าหลายคนไม่คิดอย่างนั้น

ไม่รู้ว่ามีใครเคยมีอารมณ์แบบที่รู้ว่ากำลังเศร้าแต่ไม่อยากหายกันบ้างมั้ย ?

ฉันชอบตอนที่ค่อยๆ ปล่อยอารมณ์ดิ่งลงไป เหมือนหินก้อนกลมๆ ที่ค่อยๆ ตกลงไปในบ่อน้ำ เวลาอกหักแล้วเดินออกไปกลางสายฝน เปิดฝักบัว ปล่อยน้ำรดหัวทั้งที่ยังมีเสื้อผ้า หรือเหม่อมองท้องฟ้าแบบไร้จุดหมาย เหมือน mv ยุค 90s

ช่วงหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะไม่อยากหายเศร้าแบบนี้ เพราะชอบดูหนังที่ทำให้เสียน้ำตา ฟังเพลงเศร้า อ่อนไหวมากๆ เรียกว่าอีกนิดหนึ่งจะอยู่ในระดับที่เดินร้องไห้ ซึมนิ่งมองท้องฟ้าเหมือนเล่นหนังหว่องกาไวตลอดเวลา และคิดว่าความสุขมันช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันไร้สาระ เมื่อนึกถึงตอนนั้นเลยอยากหาคำตอบว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่

ฉันพบว่าบางครั้งการไม่มีความสุข กลับให้ความรู้สึกปลอดภัยบางอย่าง คือถึงจะเจอแย่ๆเราก็คงไม่รู้สึกอะไร เพราะนี่ก็แย่อยู่แล้ว คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ เหมือนหินที่อยู่ที่ก้นบ่อแล้ว คงจะจมไปได้ไม่ไกลกว่านั้น

ตอนแรกก็นึกว่าตอนนั้นตัวเองคงเป็นบ้าไปเองคนเดียว แต่พอไปอ่าน บทความของ David Sack M.D. นักจิตวิทยาท่านหนึ่งในเว็ปไซต์ physchologytoday.com ก็เลยพบว่ามันเป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้

ในบทความยังกล่าวถึงอีกสาเหตุที่เป็นไปได้ว่า บางคนคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับการมีความสุขจึงปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความทุกข์ต่อไป และเมื่อใดที่กำลังจะมีความสุขก็หาเหตุให้ตัวเองเป็นทุกข์ต่อไปได้อีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นอาการพวกนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า แต่ถ้าปล่อยไว้นานๆ ก็อาจเป็นนิสัยที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าเข้าจริงๆก็ได้

นอกจากนี้ยังมีบทความหนึ่งในเว็ปไซต์ learning-mind.com ที่เชื่อมโยงการผลงานวิจัย ‘On the Consumption of Negative Feelings’ ของ Eduardo B. Andrade and Joel Cohen ซึ่งค้นหาคำตอบว่าทำไมคนเราถึงจะปล่อยให้ตัวเองเสพอารมณ์ด้านลบ เช่นการดูหนังผี เข้ากับการเสพติดความเศร้าว่ามันอาจเป็นเพราะเราจะรู้สึกความรู้สึกด้านลบและบวกไปได้พร้อมกัน

เหมือนกับที่เขาบอกว่าหนึ่งในสาเหตุที่เราอาจะชอบความรู้สึกด้านลบคือ คือความรู้สึกดี หรือความรู้สึกโล่งที่เกิดขึ้นภายหลัง หลังจากพายุแห่งอารมณ์พัดผ่านไป นี่อาจจะแสดงให้เห็นว่าที่คนเราอาจจะชอบความรู้สึกแบบฟ้าหลังฝนมันช่างสดใสเหลือเกิน

คล้ายกันกับ Yegor Bugayenko ซีอีโอและนักเขียนจากประเทศรัสเซียที่เขียน blog หัวข้อ Be Unhappy To Be Happy ที่ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อชีวิตคนเรารายล้อมด้วยสูตรสำเร็จแห่งความสุขอย่าง บ้าน รถ ครอบครัวแสนสุขสันต์ หรืองานที่มีรายได้ดี เราก็มีความสุขได้ยากขึ้น เพราะความสุขเป็นสิ่งที่เราต้องต่อสู้ไขว่ขว้าเพื่อให้ได้มา ความสุขเกิดขึ้นจากการก้าวข้ามอุปสรรค ไขปัญหา หรือการมีชัยชนะเหนือศัตรู หรือการชนะตัวเองได้

ในขณะที่แนวคิดของนักจิตวิทยาอีกกลุ่มบอกว่าเราต้องมีความทุกข์ให้ก้าวข้ามเพื่อจะมีความสุข และยิ่งเราได้สิ่งที่เราต้องการมาได้อย่างง่ายดายเท่าไหร่ เราก็มีอุปสรรคน้อยลงไปทุกที จนทำให้เกิดความทุกข์และเหนื่อยหน่ายเพราะชีวิตมันง่ายเกินไป แต่ในทางกลับกัน ยิ่งเราฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการมากเท่าไหร่ ความสุขก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราควรจะต้องเป็นทุกช์เพื่อมีความสุขนั่นเอง

อ่านๆ ไปแล้วก็คิดว่าถ้าต้องพยายามขนาดนั้นเพื่อจะมีความสุขอยู่เป็นทุกข์ต่อไปจะเดือดร้อนน้อยกว่านี้ไหมหนอ แต่ก็อาจจะจริง เพราะความสุข ความสำเร็จหลายอย่างของคนส่วนหนึ่ง ก็เกิดมาจากกระบวนการแสวงหาความสุขสบายน่ะแหละ ถ้าเรามีความสุขและพอใจเสมอกับทุกสิ่งอย่าง ชีวิตเราอาจไม่ก้าวไปไหนเลยก็ได้

แน่นอนความเศร้ามาคู่กันกับความสุข แต่หากพบว่ามีอารมณ์นี้มากเกินปรกติและเป็นอย่างยาวนาน อย่าลืมไปพบจิตแพทย์นะคะ จริงอยู่ว่าความสุขกับความทุกข์ถึงจะมาคู่กัน แต่ก็ไม่ควรกินพื้นที่จิตใจของเรามากจนเกินไป ไม่งั้นอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าแบบดิสทีเมีย (Dysthymia Depression) ได้ โรคซึมเศร้าชนิดนี้ต่างกับโรคซึมเศร้าปกติตรงที่อาการจะไม่รุนแรงเท่า คือไม่ถึงกับซึมจนทำอะไรไม่ได้ แต่จะเป็นอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า อย่างน้อยสองถึงห้าปี

ความเศร้าไม่ใช่เรื่องผิดแปลก ในบางครั้งความเศร้าก็มาเพื่อให้เราระบาย หรือบางทีให้เรามีข้อเปรียบเทียบเมื่อความสุขมาถึง แต่จงทำให้แน่ใจว่าเรากับความเศร้าอยู่ด้วยกันฉันท์มิตรจะดีกว่า

อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ

Loading next article...