จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยที่ผมยังเป็นแพทย์ใช้ทุนในโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ ช่วงปีใหม่มักจะมีผู้ป่วยอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก รวมถึงนโยบายของโรงพยาบาลที่ทำให้บางคนได้พักแค่วันละ 8 ชั่วโมงก็ต้องกลับมาทำงานใหม่วนไปก็มี ใครที่ไม่เคยเจอการทำงานแบบหมดเวลาก็ไปนอน แล้วตื่นมาทำใหม่ติดกันหลายๆวันคงไม่รู้หรอกครับว่ามันโหดขนาดไหน
มีครั้งหนึ่งที่ ผ.อ. แวะมาเยี่ยมและได้รับเสียงบ่นจากพนักงานที่อยากให้มีการแก้ปัญหาไปในทางที่ดีขึ้นโดยการเพิ่มคน หรือเพิ่มค่าตอบแทนให้กับคนที่เสียสละทำงานในช่วงนี้บ้าง แต่กลับได้รับคำตอบว่า “รู้สึกเห็นใจทุกคน แต่ขอให้คิดว่า ไม่เคยมีใครตายเพราะทำงาน หรืออยู่เวร …”
นาทีนั้นประโยคนี้กลายเป็นคำพูดที่ฝังลงไปในใจและทำให้ผมสงสัยว่าจริงไหมมาตลอด
พอลองไปค้นข้อมูลดู ผมพบว่าประโยคนี้เป็นเรื่องโกหก เพราะงานหนักสามารถฆ่าคนได้จริงๆ

บางคนอาจจะบอกว่าคนเราต้องประเมินตัวเองได้ เหนื่อยก็ต้องพัก ไม่ใช่ฝืนแล้วไปโทษการทำงานหนัก นั่นก็ใช่ แต่ที่เขียนเปิดมาแบบนี้เพราะเป็นอาชีพที่ใกล้ตัวผมที่สุด แต่ก่อนจะสรุปว่า งานหนักจะไม่เคยฆ่าใครเลยจริงหรือไม่ ลองมาดูด้านอื่น ๆ จากชนชาติที่ทำ “งานหนัก” มากที่สุดอย่าง “ญี่ปุ่น” กันบ้าง

คาโรชิ 「過労死」แปลเป็นภาษาอังกฤษ ว่า “overwork death” หรือ การตายที่เกิดจากทำงานหนักมากเกินไป ทางการแพทย์ใช้คำว่า “overwork-related deaths and disorders” ผู้เสียชีวิตรายแรกที่ถูกรายงานเป็นชายอายุเพียง 29 ปี ซึ่งเป็นคนงานในแผนกขนส่งของบริษัทหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ เสียชีวิตจากภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการกล่าวถึงคาโรชิเป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1978 เมื่อพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ หรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ที่สัมพันธ์กับการทำงานหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายเมื่อมีการตีพิมพ์หนังสือที่กล่าวถึงภาวะนี้เมื่อ ค.ศ. 1982 และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ในช่วงยุคเศรษฐกิจฟองสบู่ เมื่อมีผู้บริหารระดับสูงหลายรายเสียชีวิตอย่างกะทันหันก่อนวัยอันควรโดยไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ มาก่อน จนกระทั่งใน ค.ศ. 1987 กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นต้องมีการรวบรวมสถิติของภาวะ Karoshi ขึ้นมา จากสถิติของประเทศญี่ปุ่น พบว่าหนึ่งในสี่ของพนักงานชายต้องทำงานมากกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งมากเป็น 1.5 เท่าของเวลาทำงานตามตารางที่กำหนดไว้

องค์การแรงงานระหว่างประเทศได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับภาวะคาโรชิใน ค.ศ. 2013 กล่าวถึงการเสียชีวิต หรือความพิการจากโรคทางหลอดเลือดต่าง ๆ อันเป็นผลที่สืบเนื่องการจากการทำงานปริมาณมาก หรือเป็นเวลานาน โดยยกตัวอย่างผู้เสียชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะคล้ายคลึงกัน เช่น คนงานชายอายุ 34 ปี ทำงานในบริษัทอาหารเป็นเวลา 110 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลว คนขับรถเมล์ทำงานเป็นเวลา 3000 ชั่วโมงต่อปี โดยไม่มีวันหยุดเป็นเวลา 15 วันก่อนจะเสียชีวิตด้วยภาวะเส้นเลือดในสมองตีบขณะอายุ 37 ปี หรือ พยาบาลอายุ 22 ปี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หลังจากต้องทำงาน “ขึ้นเวร” ติดต่อกันเป็นเวลา 34 ชั่วโมงถึง 5 ครั้งต่อเดือน
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ไม่ใช่ว่าผู้เสียชีวิตกลุ่มนี้เขาอาจจะมีโรคประจำตัวอื่น ๆ อยู่ก่อนหรือเปล่า ? งานหนักนี่ถึงกับส่งผลกับหัวใจกับเส้นเลือดได้ขนาดนี้เชียวเหรอ ? นอกเหนือจากความเครียดทางร่างกายที่ส่งผลโดยตรงแล้ว ความเครียดทางจิตใจก็อาจส่งผลต่อสภาพร่างกายได้อย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน

อาจารย์ทักว่า ภรรยาของผู้เขียนเป็นคนที่สามจากหน่วยนี้ที่เจอภาวะนี้ในช่วงการเรียนต่อ รุ่นพี่คนก่อนที่พบมีอาการรุนแรงมากจนถึงขั้นเป็นลมหมดสติ จึงจําเป็นต้องให้กินยาควบคุมอาการไว้ก่อน แต่พอเรียนจบเท่านั้นอาการก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง โชคดีที่ไม่ได้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายมากนัก แต่ก็นับว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากการทุ่มเทให้ ‘งาน’ ที่มาในรูปแบบของสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอย่างหนึ่ง

