ปิ่นเกล้า อดีตชานเมืองที่ไม่มีวันเหมือนเดิม
แม้จะเกิดที่ฝั่งพระนคร แต่ฉันถือว่าตัวเองเป็นคนฝั่งธน เพราะนับจากตอนย้ายบ้านมาฝั่งนี้ก็ปาเข้าไป 30 ปีแล้ว

สมัยนั้นปิ่นเกล้ายังเป็นพื้นที่ชานเมือง ทั้งๆที่แค่เดินทางข้ามสะพานจากฝั่งพระนครมาแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้นเอง ในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ที่นี่อาจเป็นเพียงจุดแวะกินข้าวก่อนจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียง อย่างเช่น นครปฐม ราชบุรี หรือกาญจนบุรี หรือเป็นแหล่งนัดพบของคนในละแวกนี้เท่านั้น

บริเวณหน้าห้างพาต้าปิ่นเกล้าเคยเป็นจุดนัดพบของชาวฝั่งธนฯในยุคที่โทรศัพท์มือถือยังไม่แพร่หลายแบบทุกวันนี้
ถ้าพูดถึงย่านนี้ ฉันเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักห้างพาต้าปิ่นเกล้า ห้างดังที่ยืนหยัดอยู่ที่นี่มาเกือบครึ่งศตวรรษ ตั้งแต่สมัยที่กรุงเทพฯยังไม่มีห้างสรรพสินค้ากระจายอยู่ทั่วทุกที่เหมือนในปัจจุบัน

ลิฟท์แก้วที่หันหน้าออกสู่ท้องถนน เรียกความสนใจจากลูกค้ามากมาย ทุกครั้งที่ได้ไป เด็กอย่างฉันจะตื่นเต้นกับการยืนเกาะกระจกดูวิวที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดที่ชั้นสูงสุดคือสวนสัตว์พาต้า ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากในวัยนั้น การได้เดินเล่นในร่มแล้วเห็นคิงคอง นกเพนกวิน เต่ายักษ์ และนกแก้วมาคอว์ ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ไม่ต้องหน้ามันย่อง ตากแดดจนเหงื่อไหลไคลย้อย ยิ่งทำให้ประทับใจมากขึ้นไปอีก จนถึงขั้นว่าบางวันสามารถล้างหน้าแปรงฟัน กินมื้อเช้า และมาดูสวนสัตว์ทั้งชุดนอนได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเลย

สวนสัตว์พาต้า สวนสัตว์บนตัวอาคารสูงที่เปิดให้บริการมานานหลายสิบปี
นอกจากสวนสัตว์ด้านบนแล้ว ด้านหลังห้างพาต้ามีร้าน ‘แพนด้าสุกี้’ เก่าแก่หลบซ่อนอยู่ ฉันจัดให้ร้านนี้เป็นประเภทเดียวกับสุกี้ที่ดู ‘ไทยๆ’ หน่อยอย่างเช่น โคคา แคนตั้น และเรือนเพชร ในยุคที่ MK ยังไม่ครอบครองตลาด ตอนนั้นไม่มีการทำมาร์เกตติ้ง ไม่มี visibility ไม่มีการเพิ่มสาขาใดๆทั้งสิ้น ตอนนั้นร้านนี้คับคั่งด้วยผู้คน ลูกค้าแน่นเต็มทุกโต๊ะ แม้ว่าทุกวันนี้ร้านนี้จะยังเปิดกิจการอยู่ แต่ก็อยู่ยั้งยืนยงได้ด้วยรสชาติและบรรยากาศโหยหาอดีตล้วนๆ แม้กระทั่งลูกค้าเก่าอย่างฉันยังนึกอยากกลับไปกินอีก ถึงแม้ว่าฉันจะจำไม่ได้หรอกว่ามันอร่อยแค่ไหน แต่บางครั้งความหลังอาจหอมหวานยิ่งกว่ารสชาติของอาหารใด ๆ
อีกห้างที่สมัยนั้นโด่งดังมาก คือเมอร์รี่คิงส์สาขาปิ่นเกล้า ถ้าพาต้าใช้สวนสัตว์เป็นจุดขาย เมอร์รี่คิงส์ก็ใช้สวนสนุกขนาดเล็ก ๆ มาเรียกแขกสู้ ถึงขั้นให้น้าต๋อย เซ็มเบ้ มาใช้สถานที่ถ่ายรายการการ์ตูนสำหรับเด็กอาทิตย์ละครั้งที่นี่ แม้แต่ฉันเมื่อครั้งยังไม่ย้ายมาอยู่ฝั่งธน ยังรบเร้าให้พ่อกับแม่พามาเที่ยวห้างนี้ และเมื่อฉันกลายเป็นเด็กฝั่งธน ก็ได้ห้างนี้สำหรับฝากท้องยามหิวในวันหยุด และดูหนังโรงออกใหม่ที่นี่ ยังจำได้ว่า จูราสสิคปาร์ค ภาคแรกนั้นคนเข้าแถวรอซื้อตั๋วยาววนไปถึงรอบ ๆ บันไดเลื่อนอีกฝั่งของห้าง ธุรกิจภาพยนตร์ในพื้นที่ปิ่นเกล้าเฟื่องฟูมากจนต้องมีห้างเวลโก้อีกห้างซึ่งมีโรงหนังในนั้นถึง 3 โรง มาเปิดที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อรองรับประชากรธนบุเรี่ยนซึ่งมารวมตัวกันที่นี่ แต่ทว่าหนังทุกเรื่องย่อมมีตอนจบ ทุกอย่างของปิ่นเกล้าก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกตัดสินใจเปิดสาขาแรกของฝั่งธนบุรี

การมาถึงของเซ็นทรัลปิ่นเกล้านำเอาความสดใหม่และหรูหราทันสมัยอย่างที่คนฝั่งธนไม่เคยสัมผัสมาก่อน เหมือนกับภูเขาไฟที่จู่ ๆ ก็ระเบิดขึ้น ปลดปล่อยลาวาร้อนแรงทำลายล้างคู่แข่งที่อยู่โดยรอบจนหมดสิ้น

เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือนผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่แถบนี้เป็นอย่างมาก
คนแถบนี้เริ่มเปลี่ยนมาเดินเซ็นทรัล ในขณะที่ห้างหน้าเดิม ๆ ก็เริ่มเงียบเหงา จนวันหนึ่งห้างเวลโกเกิดเหตุไฟไหม้จนต้องปิดตัวลง และอีก 2 ปีต่อมาห้างเมอร์รี่คิงส์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่มีลูกค้าอีกเลย จนต้องปิดตัวลงทิ้งตึกนั้นให้ร้างเปลี่ยวและถูกปิดตายไปอีก 10 กว่าปี จนเทสโกโลตัสจึงเข้ามาใช้สถานที่แทน และถึงแม้ว่าเมเจอร์ซีนีเพลกซ์จะเข้ามาเปิดแทนเวลโก้ที่ถูกไฟไหม้ไป แต่ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่อาจเทียบรัศมีของยักษ์ได้ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งพาต้าปิ่นเกล้าก็อยู่ในสภาพที่ไม่ได้เชิดหน้าชูตาเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป จัดเป็นช่วงเวลาที่ฉันเคยรู้สึกมาตลอดว่าถึงแม้แถบนี้จะมีความเจริญมากขนาดไหน แต่มันก็ไม่อาจเทียบฝั่งพระนครได้เลย
เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ที่เข้าอยู่แทนเวลโก้เดิมซึ่งถูกไฟไหม้จนราบ
เรายังคงต้องพึ่งสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อให้เข้าถึงสินค้า บริการ และหน่วยงานรัฐบาลบางแห่ง เมื่อการจราจรเพื่อข้ามสะพานอันคับคั่งเหล่านั้นเกิดเป็นอัมพาตไป เราชาวฝั่งธนจึงต้องอดทนออกจากบ้านให้เช้ามืดขึ้นไปอีก หรือเปลี่ยนวิธีการข้ามฟากเป็นการนั่งเรือ

ระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยที่สุดคือรถเมล์ปรับอากาศและรถไฟที่ยังคงสภาพออริจินอลมาแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 กว่ารางรถไฟฟ้าจะเมตตาต่อเส้นทางมาถึงฝั่งธนก็ปาเข้าไปกว่า 20 ปี นับจากวันแรกที่ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสถือกำเนิดขึ้น แต่ทุกวันนี้ปิ่นเกล้ามีสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีบางหว้า ถึงแม้ว่ามันก็ต้องเลี้ยวไปจากแยกบรมราชชนนีไปอีกหน่อย ไม่ได้มีบันไดลงตุ๊บมาที่หน้าห้างหลักของแถวนี้เหมือนที่อื่นเขาก็เถอะ

รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานี 'บางยี่ขัน' เปิดใช้บริการใกล้กับสี่แยกบรมราชชนนีแล้ววันนี้ แต่ยังไม่มีต่อยาวลงมาถึงเซ็นทรัลปิ่นเกล้า แลนด์มาร์คชิ้นใหญ่ของแถวนี้
เมื่อการเดินทางมาย่านนี้ไม่ได้มีแค่ไม่กี่วิธีเหมือนเมื่อก่อน ภาพของผู้คนที่เคยยืนออกันตามป้ายรถเมล์ หรือตามแลนด์มาร์คใหญ่ๆ อย่างเช่นหน้าห้างสรรพสินค้าที่ถูกใช้เป็นจุดนัดพบในยุคที่ไร้มือถือ หรือเป็นจุดเชื่อมต่อระบบคมนาคมประเภทต่างๆ เช่น จากรถเมล์เป็นมอเตอร์ไซค์ จากมอเตอร์ไซค์เป็นรถตู้ จากรถตู้เป็นรถส่วนตัว ฯลฯ ก็มีความจำเป็นน้อยลงไปด้วย เมื่อได้ลองหันกลับไปมองแบบจริงๆจังๆอีกที ก็ต้องยอมรับว่าปริมาณผู้คนตามสถานที่เหล่านี้ก็ลดน้อยลงไปมากทีเดียว

ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าในวันที่ความสะดวกสบายและความเจริญเข้ามาถึงจริงๆ ฉันจะได้มานั่งคิดถึงวิถีชีวิตแบบเก่าๆแบบนี้อยู่บ้าง

ท่ารถหน้าเมเจอร์ปิ่นเกล้าตอนช่วงบ่ายของวันธรรมดาก็ไม่ได้มีคนออกันเเน่นตลอดเวลาเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป
ที่เขียนทบทวนความหลังมายืดยาวก็เพราะอยากให้เห็นว่าถึงจะเป็นย่านที่ชาวพระนครเคยเรียกกันว่าชานเมือง แต่ปิ่นเกล้าเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้กระทั่งปากซอยบ้านฉันเองก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นทุ่งร้าง กลายมาเป็น ป.กุ้งเผา และบึงตกกุ้งกับร้านหมูกระทะ จนในที่สุดก็กลายเป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ และออฟฟิศขนาดใหญ่ของบริษัทกระทิชาวเกาะ ในขณะที่ที่ดินผืนเปล่าหย่อมอื่น ๆ ในแนวถนนไม่ไกลซึ่งเคยเป็นทุ่งหญ้าร้างผู้คน ก็ถูกแทนที่ด้วยคอนโดมิเนียมมากมาย

เชื่อไหมว่าหลังจากนั้นปิ่นเกล้าซึ่งเคยเงียบสงัดตอนสี่ทุ่มก็ไม่เคยเป็นแบบเดิมอีกเลย จนที่สุดแล้วปิ่นเกล้าอาจถูกยกระดับจากชานเมือง กลายร่างเป็นเมืองเล็ก ๆ อีกแห่งและขับเอาพื้นที่ที่เคยทุรกันดารซึ่งอยู่ถัดออกไปรอบนอก กลายเป็นชานเมืองแห่งใหม่วนเวียนไปไม่จบสิ้น
Loading next article...